Dàomù bǐjì FanFiction
Hēi xiā zi x Wú Xié (เฮยเสีย)
‘ที่ดีๆ’
………………
ท่ามกลางความมืดของท้องฟ้ายามค่ำคืนในหังโจว สายลมอ่อนที่พัดผ่านร่างของผมเมื่อผนวกรวมกับภาพของตึกร้างโทรมๆเบื้องหน้านั้นสร้างความหวาดระแวงให้แก่ผมได้ในระดับหนึ่ง
“เนี่ยนะที่ดีๆที่นายบอก…” ผมหันไปถามชายหนุ่มชุดดำสวมแว่นกันแดดที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาพยักหน้าอย่างแข็งขัน ส่งยิ้มให้ผมอย่างร่าเริง
“ใช่แล้วครับนายน้อย เอาล่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ” ไม่พูดพร่ำทำเพลง เฮยเสียจื่อคว้ามือผมก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงผมให้เข้าไปในตึกด้วยกัน
พูดก็พูดเถอะ ตึกร้างเก่าๆโทรมๆแต่นี้ไม่ทำให้คนที่มีประสบการณ์ผ่านสุสานโบราณมาอย่างโชกโชนกลัวหรอก แต่ที่ผมกังวลก็คือเหตุผลที่นายแว่นดำพาผมมาที่นี่ต่างหาก…
คนดีๆที่ไหนจะพาคนรู้จักมาตึกร้างแบบนี้กัน เขาจะไม่ฆ่าหมกศพผมแล้วสวมรอยเป็นนายน้อยสามอู๋เสียแทนผมใช่ไหม…
ความทรงจำในช่วงเย็นวันนี้ผุดขึ้นมาในหัวสมอง เสียงของเฮยเสียจื่อลอยเข้ามาในร้านขายวัตถุโบราณที่เงียบเชียบไร้ลูกค้า
‘นายน้อย ผมเจอที่ดีๆในหังโจวด้วยล่ะ ไปด้วยกันนะครับ’
ในตอนนั้น ผมที่กำลังยุ่งกับการเก็บสมุดบัญชีติดตัวแดงลงลิ้นชักโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมามองผู้มาเยือนเล็กน้อย
‘ถ้าเป็นทะเลสาบซีหูหรือว่าวัดหลิงอิ่นฉันไม่สนใจหรอกนะ’ ผมทำหน้าเอือมระอาตามประสาคนท้องที่ เฮยเสียจื่อหัวเราะเบาๆ เขาเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ
‘ไม่ใช่หรอกครับ เป็นที่ที่วิเศษกว่านั้นเยอะ นายน้อยเองก็ไม่น่าจะเคยไปด้วย’
พออีกฝ่ายพูดออกมาอย่างนั้น ศักดิ์ศรีของคนหังโจวอย่างผมที่หลับลึกอยู่ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาทันที
‘ก็ได้’
รู้ตัวอีกที ผมก็ตกปากรับคำนายแว่นดำไปเสียแล้ว
สุดท้ายก็ดันถูกหลอกพามาในที่แปลกๆจนได้…
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เบ้ปากไม่พอใจแต่ก็ยอมเดินตามเฮยเสียจื่อไปเรื่อยๆ ขึ้นบันไดไปเกือบสิบชั้นจนขาล้าไปหมด จนในที่สุด เขาก็พาผมมาถึงชั้นดาดฟ้าของตึกร้างนี้
“ถึงแล้วครับ”
“เนี่ยนะ? ที่ดีๆของนาย?” พอถูกผมถามเฮยเสียจื่อก็พยักหน้า
“ใช่แล้ว นายน้อยยังไม่เคยมาใช่มั้ยล่ะครับ”
“ไม่เคยหรอก พูดให้ถูกคือมันไม่ใช่ที่ดีๆที่ควรจะมาไม่ใช่รึไง” ผมกวาดตามองไปทั่วบริเวณดาดฟ้า มันเต็มไปด้วยฝุ่นและเศษปูน ดูเก่าและซอมซ่อไม่ต่างจากภายในตัวอาคารที่ผมเห็นระหว่างเดินขึ้นบันไดมา
“ฮึๆ ไม่หรอกครับ ที่นี่วิเศษจะตาย ก่อนอื่นนายน้อยต้องนอนลงบนพื้นครับ”
“หา? จะบ้ารึไง ก็เห็นว่าพื้นมันสกปรก—” ผมยังไม่ทันจะเถียงจบเฮยเสียจื่อก็เดินเข้ามาใกล้ผม มือหนาภายใต้ถุงมือหนังวางลงบนไหล่ผมทั้งสองข้าง เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหูของผม เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“ขอร้องล่ะครับนายน้อย นอนลงเถอะนะ”
สัมผัสเบาๆจากลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของผมเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ
ก…ใกล้เกินไปแล้ว!
“ก็ได้! แต่นายห้ามทำอะไรแปลกๆนะ!” ผมตวาดเสียงดัง เฮยเสียจื่อยอมผละมือจากไหล่ทั้งสองข้างของผม ผมนั่งลงบนพื้นปูนสีมอซอ ทำใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มตัวนอนลงไป
เอาน่าอู๋เสีย แค่พื้นดาดฟ้าสกปรกเอง นายเคยนอนในสุสานมาแล้วไม่ใช่หรือไง
พอเห็นว่าผมนอนลงไปเรียบร้อยแล้ว เฮยเสียจื่อก็ล้มตัวนอนลงข้างๆ ผมหันไปมองเขาที่เหยียดกายนอนอย่างผ่อนคลายก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“นายคิดจะทำอะไรของนายกันแน่”
“ก็ชวนคุณมาที่ดีๆไงล่ะครับ เอ้า ไม่เชื่อลองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสิ”
ผมทำตามที่เฮยเสียจื่อบอก ท่ามกลางความมืดของผืนฟ้า ดวงดาวน้อยใหญ่ต่างส่องสว่างตัดกับสีดำบนฟ้า พวกมันบ้างกระจายตัว บ้างกระจุกตัว ตกแต่งท้องฟ้ายามค่ำคืนให้สวยงามชวนฝัน
เฮยเสียจื่อปล่อยให้ผมล่องลอยไปกับความงามของดวงดาวบนท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“สวยใช่มั้ยล่ะครับ”
“ฮื่อ เป็นที่ที่ดีจริงๆนั่นล่ะนะ” ผมยักยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ความสวยของดวงดาวบนผืนฟ้าสีดำและความเงียบของสถานที่ทำให้ผมลืมความวุ่นวายของโลกภายนอกไปจนหมดสิ้น
“ฮะๆ ถ้านายน้อยชอบ ผมก็ดีใจ” เฮยเสียจื่อหัวเราะเบาๆ ผมหันหน้าไปมองอีกฝ่ายว่าจะขอบคุณเขาเสียหน่อยที่พามาดูดาวสวยๆ ทว่า แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นถามคำถามหนึ่งออกมาแทน
“นายสวมแว่นนั่นแล้วมองเห็นชัดหรือ”
เฮยเสียจื่อหันมามองผม ส่งยิ้มบางๆให้
“คุณเคยถามผมไปแล้วนี่ครับ”
“แต่ฉันคิดว่าแว่นกันแดดอาจทำให้นายมองเห็นดาวไม่ชัด ก็เลยถามอีกรอบ”
เฮยเสียจื่อไม่ตอบ นายแว่นดำหันมามองผม ถึงแม้จะสวมแว่นกันแดดบังไว้แต่ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังจ้องผมอยู่
“ผมเห็นชัดเลยล่ะครับ”
“เห็นความรักที่ผมมีให้คุณชัดแจ๋วเลย”
“…….” ผมถึงกับไปต่อไม่ถูกเมื่อได้ยินมุกเสี่ยวจากปากนายแว่นดำ พอตั้งสติได้ก็รีบส่งเสียงด่าอีกฝ่ายแก้เขิน
“นายแม่งบ้า นับดาวจนเมารึไง!”
“ไม่เมาดาว แต่เมารักได้มั้ยล่ะครับ” เฮยเสียจื่อยิ้มเผล่ ผมรู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองตอนนี้กำลังร้อนผ่าว นายแว่นดำมองหน้าผมแล้วได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“…ฉันกลับล่ะ!”
“นายน้อยยย เดี๋ยวผมไปส่งครับ”
พอเฮยเสียจื่อเห็นผมลุกขึ้นยืนก็รีบยืนขึ้นบ้าง ผมตั้งใจจะหันไปด่าเขาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากต่อว่าอีกฝ่าย ริมฝีปากของนายแว่นดำก็ประกบเข้ากับริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา….
ราวกับโลกหยุดนิ่ง เข็มวินาทีหยุดเดิน ความอ่อนโยนของจุมพิตนั้นค่อยๆหลอมละลายหัวใจผมอย่างเชื่องช้า
บางที…สถานที่ที่ดีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เงียบสงบเหมาะแก่การดูดาว
แต่เป็นสถานที่ที่ผมมีเขาอยู่ข้างกายต่างหากล่ะ…..
……..
อร่ากกกกกจบแหล่ววฮืออออออ55555555555 กลับมาแจวเรือต่อแล้วค่ะ หลังจากที่โดนดูดไปแฟนด้อมนู้นนี้นั้นมาตั้งนาน ไม่ได้เขียนฟิคมาพักนึงรู้สึกสกิลภาษาหายไปเยอะเลย จากที่เดิมทีก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว55555555555555555555555;__;555555555555555555 ยังไงก็ตาม ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ//////