เพิ่งนำฟิคจาก https://twishort.com/Gq7jc มาลงค่ะ
_____
Dàomù bǐjì FanFiction
Hēi xiā zi x Xiè ziyáng (เฮยหย่าง)
‘เงียบ’
#dmbjdailyquote #Day258 ‘เหลาหย่างที่ไหน ผมไม่รู้จัก’
…….
“ไอ้หนู”
“คุณลุง เรียกผมหรือ” ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆหันมามองตามเสียงเรียกแหบๆที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในยามดึก คนที่เรียกเขาเป็นชายแก่ที่สูงกว่าเขาเล็กน้อย แต่เพราะยืนหลังค่อมจึงทำให้ไม่ต้องเงยหน้าคุย หนวดสีดำเงางอนทอประกายแสงจันทร์ เงาจากปีกหมวกคร่ำครึปิดบังใบหน้าครึ่งบนจนทำให้อู๋เสียมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ไม่ถนัดตา
การถูกคุณลุงแปลกหน้าเรียกขณะออกมาเดินเล่นนั้นเป็นเรื่องแปลก อย่างน้อยก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน คนอย่างอู๋เสียจึงอดสงสัยไม่ได้
“เอ็งชื่อเหล่าอู๋อะไรนั่นใช่ไหม”
อู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย ตั้งใจจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ชายคนนั้นไม่สนใจ ยังคงเอ่ยต่อไปว่า
“ไอ้หนุ่มนั่น” เขาว่าพลางบุ้ยใบ้ไปยังใครบางคนที่เร้นกายอยู่ในเงาตึก ชายหนุ่มหรี่ตาเพื่อเพ่งสมาธิมองร่างนั้นให้ออก แต่สุดท้ายเพราะความมืดและระยะทางที่ไกลเกินไป ถึงจะเห็นรางๆว่ามีคนอยู่ตรงนั้นแต่ก็ไม่สามารถมองออกได้อยู่ดี
“มันให้ข้าเอาไอ้นี่มาให้เอ็ง” ชายวัยกลางคนว่าพลางส่งบางสิ่งให้ อู๋เสียรับไปดูอยู่ครู่หนึ่ง ของสิ่งนั้นไม่เล็กไม่ใหญ่ เป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดที่ถือได้ไม่หนักมือ ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เด่นหราอยู่บนกล่องนั้นดึงดูดความสนใจของเขาไปทั้งหมด
“ขนม…กล่องแบบนี้แสดงว่าเป็นขนมจากต่างประเทศ” อู๋เสียพึมพำกับตัวเองเบาๆ เถ้าแก่น้อยวัยสามสิบลองย้อนนึกถึงเพื่อนทั้งหลายที่น่าจะเป็นผู้ส่งมา แต่ถึงอย่างนั้นก็เดาไม่ถูก จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ถ้าบอกเอ็งว่า ‘เหลาหย่าง’ เอ็งก็จะอ๋อทันที ไอ้หนุ่มนั่นมันว่าอย่างนี้” ชายแปลกหน้ากล่าว แต่ถึงอย่างนั้นอู๋เสียกลับไม่แสดงท่าทีใดๆนอกจากส่งกล่องขนมนั้นคืนให้เขา
“เหลาหย่างที่ไหน ผมไม่รู้จัก ไม่แปลกหรอกที่เขาจะจำคนผิดเพราะว่าตอนนี้มันมืดมาก จะมองผิดคนก็ไม่แปลก”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินจากไป ปล่อยให้คุณลุงยืนถือกล่องนั้นต่อไปเงียบๆ เมื่อเสียงฝีเท้าของอู๋เสียนั้นเริ่มเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน เสียงฝีเท้าของผู้มาเยือนคนใหม่ก็ดังขึ้นแทน ชายหนุ่มในเงามืดเดินออกมาจากเงาตึกที่อาศัยอยู่เมื่อครู่ เขาเป็นชายร่างสูง สูงกว่าคุณลุง สูงกว่าอู๋เสีย นัยน์ตาของเขาถูกบดบังด้วยเลนส์แว่น
หากแต่ไม่ใช่เลนส์แว่นธรรมดา เพราะเลนส์แว่นนั้นเป็นสีดำ
“ยืนหลังค่อมแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”
เฮยเสียจื่อว่าพลางตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ฝ่ายที่ถูกตบหลังถอนหายใจ ยืดตัวขึ้นตามความสูงปกติ หนวดปลอมและหมวกถูกดึงออก แว่นสายตาธรรมดาถูกหยิบขึ้นมาสวมอีกครั้ง
“ยินดีต้อนรับกลับนะครับคุณเซี่ย”
“ให้ตายสิ…” เซี่ยจื่อหยางบ่นงึมงำด้วยเสียงที่ไม่ผ่านการดัด ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟ สูบอัดควันนิโคตินเข้าไปเต็มปอดอย่างไม่สบอารมณ์
“เอาน่าๆ” เฮยเสียจื่อปลอบอีกฝ่ายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นั่นทำให้เซี่ยจื่อหยางหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
“ยิ้มหาอะไรวะ ฉันโดนเพื่อนสนิทลืมนะโว้ย”
“ดีแล้วล่ะครับแบบนั้น เพราะถ้าเขาจำคุณได้ ใส่ใจคุณ ผมเองนั่นล่ะที่จะเป็นฝ่ายไม่พอใจ” เฮยเสียจื่อยักยิ้มบางๆให้คู่สนทนา เซี่ยจื่อหยางผงะไปเล็กน้อยเมื่อเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายตั้งใจสื่อออกมา
“จ จะบ้าเรอะ เหล่าอู๋เป็นเพื่อนฉัน นายจะไม่พอใจไปทำไม”
“คุณเล่นให้ความสำคัญกับเพื่อนมากขนาดนี้ ผมก็ต้องหึงเป็นธรรมดา”
“โวะ ห หึงบ้าบออะไร ไร้สาระ” เซี่ยจื่อหยางหน้าแดงเล็กน้อย เฮยเสียจื่อสังเกตเห็นความผิดปกติของอีกฝ่ายก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ดีใจอยู่ไม่ใช่เหรอครับนั่น”
“ง เงียบไปเลยนายน่ะ” เซี่ยจื่อหยางแทบจะฟาดกล่องขนมใส่อีกฝ่ายแก้เขิน คนสวมแว่นกันแดดเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะคิกคักเสียงดังยิ่งกว่าเดิม
“งั้นก็ใช้ปากของคุณ ทำให้ผมหุบปากทีสิ”
“ไม่เอา อย่ามายุ่งกับปากฉัน ฉันสูบบุหรี่อยู่”
“แต่ถ้าไม่ทำให้หุบปาก แสดงว่าคุณยอมรับน่ะสิครับว่าคุณดีใจที่เห็นผมหึงคุณน่ะ” เฮยเสียจื่อยังคงล้อต่อไป คนสวมแว่นกัดฟันกรอด ไอ้ครั้นจะต่อยอีกฝ่ายเขาก็ไม่กล้าทำ ไม่ใช่ว่ากลัวนายแว่นกันแดดจะเจ็บ แต่กลัวว่าจะต้องทนฟังเสียงร้องโอดครวญแบบเสแสร้งแกล้งทำไปตลอดทางกลับที่พักต่างหาก
เซี่ยจื่อหยางเบะปากที่กำลังคาบบุหรี่เล็กน้อย ทำใจให้สงบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบตามองไปทางอื่น ชายหนุ่มเอียงคอแล้วดึงคอเสื้อของตนลงเล็กน้อย
“…ตรงนี้ รีบๆทำแล้วก็รีบๆหุบปากไปได้แล้ว”
เฮยเสียจื่อชะงักไปเล็กน้อย เซี่ยจื่อหยางแอบยิ้มอยู่ในใจ ถึงแม้จะคบกันแล้วแต่เฮยเสียจื่อไม่เคยล่วงเกินอะไรเขาหากเขาไม่เต็มใจ เรียกได้ว่าสุภาพบุรุษสุดๆ จึงทำให้เซี่ยจื่อหยางทึกทักไปเองว่าอีกฝ่ายแท้จริงแล้วเห็นชอบแซวชอบล้อเขาอยู่บ่อย แต่แท้จริงแล้วก็คงขี้อายใช่เล่น นี่จึงนับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ฝ่ายเขาจะได้แกล้งให้อีกฝ่ายเขินบ้าง
ทว่า พอหันไปมองใบหน้าที่ควรจะแดงของอีกคน เซี่ยจื่อหยางกลับมองไม่เห็นมันเลยแม้แต่น้อย ดูท่าว่าคราวนี้เขาจะเดินหมากพลาดเองเสียแล้ว
“เข้าใจแล้วครับ จากนี้ไปผมจะรูดซิปปากให้สนิทเลย” เฮยเสียจื่อยิ้มหวาน โน้มหน้าลงไปใกล้ต้นคอของคู่สนทนา ลมหายใจของชายหนุ่มที่สัมผัสกับผิวหนังอย่างใกล้ชิดทำให้หัวใจของเซี่ยจื่อหยางเต้นรัวเร็ว
ริมฝีปากของเฮยเสียจื่อประทับลงอย่างแผ่วเบาในช่วงแรก ก่อนจะค่อยๆออกแรงดูดดึงลามเลียผิวหนังบริเวณนั้นอย่างหิวกระหายจนเซี่ยจื่อหยางใบหน้าร้อนผ่าว ในที่สุดเฮยเสียจื่อที่จูบจนพอใจแล้วก็เงยหน้าขึ้นจากซอกคอของอีกฝ่าย ส่งยิ้มกว้างให้อย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณครับคุณเซี่ย”
” น ไหนบอกว่าจะเงียบไงเล่า เงียบไปเลยไป!”
แล้วเฮยเสียจื่อก็เงียบไปเลยจริงๆตามสัญญา แต่ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร คนสวมแว่นกันแดดก็ยิ้มกว้างอย่างร่าเริงอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ สร้างความเดือดร้อนทางใจให้กับเซี่ยจื่อหยางไม่ต่างจากการแซวเลยแม้แต่น้อย
รู้อย่างนี้น่าจะต่อยไป ยอมฟังเสียงหมอนั่นโวยวายไปตลอดทางดีกว่า เพราะรอยยิ้มของเฮยเสียจื่อนั้น…
…..คุกคามหัวใจของเขาได้ดีกว่าเสียงโวยวายเสียอีก…..
…….